About Us

About us

     วัฒนา แก้วดวงใหญ่

     “การที่เราได้นั่งทำงานที่เรารักและสืบทอดมาจากบรรพบุรุษตั้งแต่สมัยคุณทวดจนมาถึงรุ่นครูซึ่งเป็นรุ่นที่ 3 ครูว่ามันมีความสำคัญและลำลึกมากกว่าการที่จะได้มรดกที่ได้จากทรัพย์สินเสียอีก เพราะหมายถึง สิ่งที่บรรพบุรุษสืบทอดต่อกันมาแล้วและเป็นศิลปะประจำชาติของคนไทยเราด้วย”
                                                                    -วัฒนา แก้วดวงใหญ่-

          การมีชีวิตอยู่ของงานศิลปหัตถกรรมไทยมิได้คงอยู่ได้เพียงเพราะคุณคู่ในตัวเอง แต่สิ่งที่สำคัญคือการถ่ายทอดภูมิปัญญา สืบต่อจิตวิญญาณจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง และการอนุรักษ์ก็มิได้หมายถึงการรักษาไว้ซึ่งสิ่งดั้งเดิมแต่เพียงเท่านั้น หากช่างฝีมือมีความสามารถที่จะประยุกต์สร้างสรรค์ผลงาน ก็จะช่วยต่อชีวิตหรือขยายอัตลักษณ์ของศิลปหัตถกรรมไทยให้ร่วมสมัยขึ้น ทายาทหัตถศิลป์ หรือช่างฝีมือรุ่นใหม่ผู้เป็นทายาทของครูช่าง
ครูวัฒนา แก้วดวงใหญ่ ทายาทรุ่นที่สามของ ครูชิต แก้วดวงใหญ่ ปรมาจารย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สืบสานงานช่างทำหัวโขนจากขุนพระเทพยนตร์ (จำรัส ยันตระปรากรณ์) หัวหน้าช่างสิบหมู่ในสมัยรัชกาลที่ 6 ด้วยผลงานที่เน้นความสมบูรณ์แบบของสัดส่วน ลวดลาย และรายละเอียด ต่อยอดด้วยวิธีการใหม่ๆ เช่น เปลี่ยนจากกระดาษข่อยมาเป็นกระดาษสา ใช้อีพ็อกซี่ผสมดินเยื่อกระดาษแทนรักสมุก ใช้สีอะคริลิกแทนสีฝุ่นเพื่อความคงทน และยังประยุกต์ใช้ทฤษฎีสีและเทคนิคของจิตรกรรมสากลมาสร้างสรรค์ผลงาน

     โขนพระราชทานเป็นอะไรที่สุดยอดแล้วที่คนไทยมี ทำให้คนไทยได้เสพศิลปะชั้นยอด เป็นศิลปะที่ดีที่สุดที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ ท่านคัดสรรมา โดยในนัยยะท่านวางแนวทางไว้ให้ศิลปิน ช่างทุกคนได้ทำตามพระราชดำรัสที่ท่านวางไว้ “ทำสิ่งที่ดีที่สุด ในงานของตัวเอง มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับแผ่นดินไว้”
ถือเป็นต้นแบบความคิดและการดำเนินชีวิต ในการทำงานของครูวัฒนา แก้วดวงใหญ่ ในการสร้างสรรค์งานทุกชิ้นที่ครูวัฒนาทำจะเป็นผลงานชิ้นเอกคือดีที่สุด และมอบสิ่งที่สุดกับคนที่ได้หัวโขนของครูวัฒนาไป

ประวัติครูชิต แก้วดวงใหญ่
          ครูชิต แก้วดวงใหญ่ เกิดในช่างต้นแห่งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว อันเป็นยุดทองของวรรณกรรมและนาฏศิลป์ไทย ครูชิตเป็นหลานตาของพระเทพยนตร์ (จำรัส ยันตระปรากรณ์) หัวหน้าช่างสิบหมู่ในสมัยรัชกาลที่หก จึงสืบเชื้อสายวิชาการช่างทำหัวโขน – ละคร มาจากคุณตาพระเทพยนตร์ และขุนสกลบัณฑิต (ศิริ ยันตระปรากรณ์) ผู้เป็นน้องชายของพระเทพยนตร์ ซึ่งครูชิตได้รับจ้างทำหัวโขน – ละครให้กับคณะนาฏศิลป์ โขน ละคร ลิเกฯ ต่าง ๆ ตลอดจนรับงานสร้างซ่อมหัวโขน และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของกรมศิลปากร โดยครูชิตได้ใช้ดวามรู้ความสามารถและยึดหลักวิธีการแบบโบราณที่ได้รับถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ รวมถึงหลักวิธีการและความรู้ที่ได้รับมาจากการศึกษาจากโรงเรียนเพาะช่าง จึงทำให้ผลงานที่ปรากฏถูกต้องตามหลักการ และหลักสรีระ โดยครูชิต ได้ถ่ายทอดความรู้งานช่างวิธีการสร้างหัวโขน ที่เป็นมรดกจาก บรรพบุรุษ ให้กับบุตร ธิดาทุกคน นับเป็นสกุลช่างทำหัวโขนจากกรมช่างสิบหมู่ในพระราชสำนักตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ฝีมือและเทคนิคการสร้างนั้นกล่าวได้ชื่อว่าเป็นสกุลช่างหลวงที่งดงามประณีตมากกว่าสกุลช่างอื่น ๆ ที่ยังสืบทอดอยู่จนปัจจุบัน ครูชิต แก้วดวงใหญ่ ได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว เมื่อพ.ศ. 2524 ปัจจุบันมีผู้สืบทอดงานในสกุลช่างสายพระเทพยนตร์ ขุนสกลบัณฑิต และชิต แก้วดวงใหญ่ เหลือเพียง 3 ท่าน หนึ่งในนั้นคือ ครูวัฒนา แก้วดวงใหญ่ ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 3 และเป็นรุ่นสุดท้าย