[เล่าเรื่องพ่อ] : หัวโขน “พิเภกถอดมงกุฎ”

เล่าเรื่องพ่อ…หัวโขน “พิเภกถอดมงกุฎ”

เล่าเรื่องพ่อ…หัวโขน “พิเภกถอดมงกุฎ”
2 ธันวาคม 2565
ภาพประกอบ : Bongsbandhuteja Agrindra
บทความจาก นิตยสารศิลปากร ปีที่ 43 ฉบับที่ 4 กรกฎาคม 2543

          พ่อเล่าเรื่องคุณตาใหญ่ (คุณพระเทพยนต์) ให้พวกเราฟังเกี่ยวกับเรื่องพิเภกถอดมงกุฎ บ่อยจนจำได้ขึ้นใจ พ่อมีเหตุผลส่วนตัวที่จะไม่ทำพิเภกถอดมงกุฎ ด้วยพ่อต้องการให้ตำนานนี้เป็นเรื่องราวของคุณตาใหญ่ (คุณทวดของพวกเรา) เป็นสิ่งที่ลูกหลานภาคภูมิใจ และพ่อก็ไม่ต้องการให้พวกเราทำด้วย “ พวกเราจะไม่วัดรอยเท้าคุณตาใหญ่” พ่อพูดเพียงครั้งเดียวนั่นเป็นสิ่งที่ลูกๆ ปฏิบัติตาม

          ไม่ทราบที่มารูปพิเภกนี้ จะเห็นรอยต่อตรงหน้าผาก เพื่อถอดมงกุฎออกได้อย่างชัดเจน
.
————
                                                                                                                         วันที่ ๓๐ สิงหาคม ร.ศ. ๑๒๙

           พิเภกเปลี่ยนมงกุฎ เมื่อคืนวานนี้ เป็นการจับอกจับใจแลประหลาดใจพิลึก ทำไมจึงจับใจ มูลเหตุชั้นต้นมีอยู่ที่เกล้ากระหม่อมผูกใจในเรื่องรามเกียรติ์อยู่มาก เพราะเป็นช่าง ได้เคยเห็นหนังสือเรียกว่า “ฮิสตอรี่ ออฟ อินเดีย” เขาเล่าเรื่องรามเกียรติ์มีอยู่บ้างในนั้น แม้แต่มีเล็กน้อยก็ทำให้ต้องร้องอ้อ เป็นกองสองกอง ทำให้รู้สึกว่า สำเนาเรื่องของเรานั้นคงจะได้ความจากเล่าบอกข้อความหย่อนอยู่ที่ตรงไหนก็เดาต่อให้………………………….. “พิเภกถอดมงกุฎ” เคยมีเรื่องได้พูดกันมาแล้วด้วย คือ กรมหมี่นวรวัฒน์ฯ เล่าถึงโขนใครเล่นลืมเอาหน้าพิเภกไป เอาหน้ายักษ์โล้นสวมแทนเฝ้าอยู่ ณ ที่ออกพลับพลา คิดเกือบตายว่าเล่นตอนไหนไม่เข้าใจ จนกระทั่งเขาเจรจาออกชื่อ พระยาพิเภกแลยักษ์โล้นตัวนั้นทำบทจึงได้เข้าใจที่เล่านั้นเพื่อความขัน แต่เกล้ากระหม่อมเคยแก้แทนว่าถูก เพราะเหตุว่ามงกุฎนั้นสำหรับตำแหน่งอุปราชออกจากตำแหน่งอุปราชแล้วต้องคืนมงกุฎใช้หัวโล้นถูก กรมหมี่นวรวัฒน์กล้ารับรองว่าจริง แลกลับออกความเห็นต่อไปว่า กุมภกรรณ เป็นอุปราช ต่อเมื่อขับพิเภกแล้วตอนออกศึกกุมภกรรณ ควรสวมมงกุฎน้ำเต้า เรื่องมีมาดังนี้ เมื่อคืนวานนี้อ่านบทล่วงหน้าไปเป็นมีคืนเครื่อง จึงนึกในใจว่า โอ ที่เคยพูดกับเล่นนั้น เป็นเรื่องถูกต้องจำเป็นเสียแล้ว นี่ต้องเปลี่ยนหน้ายอดสวมหน้าโล้นแน่ นึกแต่เพียงว่าจะเปลี่ยนหน้า หาได้นึกถึงว่าถอดมงกุฎได้ไม่ จนเอาสุวรรณมาลาใส่พานมา ยังไม่เข้าใจว่าจะทำอย่างไรกัน กระทั่งถอดมงกุฎออก ใจหายวาบ อกเต้น จนสวมสุวรรณมาลาเสร็จเห็นเรียบร้อยดี มีความปลื้มใจเป็นล้นเกล้าฯ แลนึกชมอยู่ในใจในฝีมือช่างที่ทำหน้าโขนนั้น เขาคิดทำอย่างสนิทดี ถอดเปลี่ยนได้ง่าย และติดแน่นด้วย……..
          ทีนี้จะได้กราบทูลถึงกระบวนเล่น บทที่ทรงแต่งใหม่นี้ตามสำเนาความที่มาจากอินเดีย อันเคยชนะความข้างบ้านเราเสมอ……… บทพิเภกนี้ก็เหมือนกันที่ทรงแต่งใหม่นี้ดี ด้วยสมกับที่เขาเป็นขัติยชาติ มีความกล้า แลมานะ แต่การเล่นไม่สมกับบท เพราะครูไม่รู้สึกความหมายในบทพอ เอากิริยาที่เคยเล่นแต่ก่อนอย่างกลัวลนลานมาใช้กันบทที่เป็นแต่เพียงเกรงใจ เป็นอันเล่นไม่กินบท ซ้ำตัวทศกัณฐ์ เมื่อคืนวานนี้ก็เลวเสียเต็มที่ด้วย ไม่สมควรจะเป็นตัวท้าวตัวพญา ทำให้การเล่นทรุดไปมาก เกล้ากระหม่อมคิดอยู่ภายนอกว่าถ้าเอา นายประณีต เป็นทศกัณฐ์จะดี ตัวกุมภกรรณนั้นถ้าไม่มียักษ์ที่ดีกว่า นายพ่วงเป็นก็ได้ไม่มีบทบาทนัก ตามบทใหม่นี้ถ้าผสมให้ดี เห็นจะน่าดูมากทีเดียว………….

                                                                              กราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองพระบาท

                                                                               ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าฯ
                                                                               นริศ
————-

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ขณะดำรงพระยศ เป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช) ทรงตอบมาว่า

                                                                           วันที่ ๓๑ สิงหาคม ร.ศ.๑๒๙

ทูล เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

          ลายพระหัตถ์ได้รับแล้ว ขอบพระทัยมากที่ทรงบอกพระดำริมาในเรื่องที่เล่นโขนตามฉบับที่หาได้มานี้ ได้นึกอยู่แล้วว่าคงจะถูกพระทัยฝ่าพระบาท… ส่วนการที่พิเภกถอดชฎาได้นั้น ในชั้นต้นหม่อมฉันเองก็ไม่ได้หวังว่าจะทำให้ถอดได้ นายช่างเขารับว่าจะทำสำเร็จเรียบร้อยได้ จนวันก่อนจะออกโรงวัน ๑ จึงได้หน้าพิเภกใหม่นั้นมา เห็นว่าถอดชฎาได้จริงๆ ออกปลื้มมาก เรื่องท่าทางในตอนถูกขับนั้น เป็นจริงอยู่ตามที่ทรงท้วง คือไม่กินกับบทที่แต่งขึ้นใหม่ หม่อมฉันได้พยายามชี้แจงเพื่อให้ครูเข้าใจความประสงค์แล้ว ในชั้นต้นเมื่อแรกๆ ซ้อมก็เป็นไปได้ตามคำแนะนำนั้น แต่ฝ่าพระบาทย่อมทรงทราบดีอยู่ว่า ความเคยของคนชนิดนั้นเป็นอย่างไร ถึงจะสอนให้อย่างไร ก็ขืนความเคยนั้นยาก เพราะฉะนั้นมาในตอนหลังๆ เมื่อหม่อมฉันไม่ใคร่มีเวลาไปจู้จี๋นัก ครูก็หันลงเอาท่า-ตามเคยนั้นสอนให้ ครั้นจะไปแก้ไขจู้จี้อีกก็จะยุ่งใหญ่ จึงตกลงในใจว่าจะต้องพยายามตั้งแบบใหม่ให้มาเคยแบบใหม่นี้เสียต่อไปเท่านั้น จึงจะสำเร็จตามประสงค์ได้.

                                                                                   วชิราวุธ


#คุณตาใหญ่ #พิเภกถอดมงกุฏ #วัฒนาแก้วดวงใหญ่ #ชิตแก้วดวงใหญ่ #โขน #หัวโขน
#หัวโขน #โขน #วัฒนาแก้วดวงใหญ่ #แก้วดวงใหญ่ #Khon #Khonmask #ชิตแก้วดวงใหญ่ #คุณตาใหญ่ #พระเทพยนต์

#หัวโขน #โขน #วัฒนาแก้วดวงใหญ่ #แก้วดวงใหญ่ #Khon #Khonmask #ชิตแก้วดวงใหญ่

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *